- Google Sheet
- Investment
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมหุ้นต่างประเทศ โบรกไหนเหมาะกับคุณ
เคยสงสัยไหมที่เราลงทุนไปเสียค่าธรรมเนียมถูกหรือแพง
แต่ละคนย่อมมีต้นทุนที่ไม่เหมือนกัน มาลองคำนวณให้หายสงสัยกันว่า สรุปแล้วโบรกไหนคือคำตอบที่ใช้สำหรับคุณ
เราเลยลองทำ Google Sheet ที่จะเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมหุ้นต่างประเทศง่ายๆเลยว่าโบรก
บทความนี้เราจะมาลองทดสอบเพื่อหากันว่าโบรกไหนเหมาะกับเรามากที่สุด โดยการคำนวณจากชีทที่เราทำไว้
โดยแบ่งเคสทดสอบดังนี้
*นี่เป็นการทดสอบลองดูเท่านั้น ผู้ลงทุนโปรดศึกษาให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ นี่ไม่ได้เป็นการชี้นำ แค่เป็นการสร้างเครื่องมาลองคำนวณดูเล่นๆ อาจมีความคาดเคลื่อน จากการลงทุนแต่ละสไตล์ที่ตั้งเคสไว้ไม่เหมือนกัน
ขอแบ่งเคสทดสอบ แต่ละเคสจะทดสอบหุ้นที่ ราคา
ถูก $5
กลาง $100
แพง $200
โดยเราจะให้ทุนของในสไตล์เดียวกันเท่ากัน
1. สายเทรดเร็ว (Day Trading / Scalping)
- ลักษณะ: ซื้อขายหลายครั้งในวันเดียว โดยเน้นกำไรจากการแกว่งตัวของราคาสั้นๆ
- สิ่งที่ต้องทดสอบ:
- ซื้อขายหลายไม้ (10–20 ไม้)
- หุ้นราคาถูกและแพง เพื่อดูผลค่าคอมสะสม
- ผลกระทบจากค่าคอมขั้นต่ำในแต่ละไม้
ทุนต่อไม้ $1,500 ลง 30 ไม้
2. สายถือยาว (Long-Term Investment)
- ลักษณะ: ซื้อหุ้นแล้วถือเป็นเดือนหรือปี โดยไม่เทรดบ่อย
- สิ่งที่ต้องทดสอบ:
- การซื้อหุ้นปริมาณมากในไม้เดียว
- หุ้นราคาปานกลางหรือแพง
ทุนต่อไม้ $3,000 ลง 1 ไม้
3. สายซื้อสะสม (Dollar-Cost Averaging - DCA)
- ลักษณะ: ซื้อหุ้นในจำนวนเท่าๆ กันเป็นประจำ เช่น รายเดือน
- สิ่งที่ต้องทดสอบ:
- ซื้อหุ้นราคาต่างกันในจำนวนคงที่
ทุนต่อไม้ $1,500 ลง 3 ไม้
4. สายลงทุนหนัก (High Volume Trader)
- ลักษณะ: ซื้อหุ้นราคาสูงหรือปริมาณมากในแต่ละไม้
- สิ่งที่ต้องทดสอบ:
- การซื้อหุ้นหลายล้านบาทในไม้เดียว
ทุนต่อไม้ $25,000 ลง 3 ไม้
5. สายงบน้อย (Small Trade / Beginner)
- ลักษณะ: ซื้อขายหุ้นจำนวนเล็กน้อยเพื่อเริ่มต้น
- สิ่งที่ต้องทดสอบ:
- ซื้อหุ้นราคาต่ำ จำนวนไม่เกิน 1,000 หุ้น
- หุ้นที่ค่าคอมมิชชั่นอาจต่ำกว่าขั้นต่ำ
ทุนต่อไม้ $200 ลง 3 ไม้
เคสที่ลองอาจจะไม่ถูกต้อง ขึ้นอยู่กับสไตล์การลง และเงินทุน ซึ่งเอาจริงถึงค่าธรรมเนียมอาจจะแพง แต่ถ้าโบรกไหน ให้ข้อมูลดี ฟีเจอร์ดี อาจจะคุ้มค่ากว่าต้องมานั่งปวดหัวเรื่องอื่นๆก็ได้ 🙂